มารู้จักอาหารแมวสำหรับน้องแมวกัน
เรื่องใหญ่สำหรับเจ้าของน้องแมวหลายๆ คนที่เลี้ยงแมว (โดยเฉพาะคนที่เพิ่งเริ่มเลี้ยงแมว) หนีไม่พ้นเรื่องอาหารแมว เพราะแค่จะเริ่มเลือกอาหารให้แมว ก็มีคำถามมากมายแล้วว่า หลังหย่านมเราจะเปลี่ยนอาหารให้กับน้องแมวเป็นอาหารเม็ดอย่างไรดี? เราควรเลือกอาหารแบบไหน? กินอาหารเม็ดแมวนานๆ น้องแมวจะเบื่อหรือไม่? กินแต่อาหารเปียกแมวได้หรือเปล่า? บทความนี้จะทำให้เจ้าของแมวทุกคนหมดทุกข้อสงสัย มาหาคำตอบเรื่องอาหารแมวไปด้วยกัน รับรองว่าน้องแมวของคุณจะอร่อยกับอาหารมื้อโปรด และมีสุขภาพดีจากอาหารที่เจ้าของเลือกสรรมาให้แล้วเป็นอย่างดีแน่นอน
โภชนาการอาหารที่จำเป็นสำหรับน้องแมวและลูกแมว
ตามธรรมชาติ แมวจัดเป็นสัตว์กินเนื้อ นั่นก็แปลว่าสารอาหารหลักที่แมวต้องการก็จะอยู่ในเนื้อสัตว์เป็นหลักนั่นเอง ดังนั้นสารอาหารที่แมวต้องการเป็นหลักก็คือ โปรตีน ส่วนอื่นๆ ก็จะอยู่ในกลุ่มของไขมัน คาร์โบไฮเดรต และกลุ่มวิตามิน แร่ธาตุ กรดไขมัน และกรดอะมิโนจำเป็นต่างๆ
แต่ไม่ใช่ว่าแมวทุกวัยจะต้องการปริมาณสารอาหารเท่าๆ กันนะ เพราะแมวแต่ละวัยมีความต้องการด้านสารอาหารต่างกันออกไป มาเริ่มกันที่ความต้องการด้านโภชนาการอาหารของลูกแมวหลังจากหย่านมแล้วมาต่อกันที่โภชนาการอาหารแมวที่เหมาะสำหรับแมวโตเต็มวัยกัน
- อาหารสำหรับลูกแมว : อาหารลูกแมว ควรเลือกอาหารที่มีคุณภาพ มีสารอาหารครบถ้วน เพราะเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการเจริญเติบโตของลูกแมว นอกจากจะช่วยให้พัฒนาการด้านกระดูกและกล้ามเนื้อแข็งแรงสมวัยแล้ว ยังมีส่วนช่วยในการพัฒนาระบบภูมิคุ้มกัน สมอง และการมองเห็นของลูกแมวอีกด้วย โดยสารอาหารที่ลูกแมวตั้งแต่ช่วงอายุ 3 สัปดาห์ - 1 ปี ต้องการเป็นพิเศษ ได้แก่
o อาหารที่มีโปรตีนสูง : เพื่อช่วยในการสร้างกล้ามเนื้อ และให้พลังงานเพียงพอกับพฤติกรรมในแต่ละวันของลูกแมว
o แคลเซียมและฟอสฟอรัส : เพื่อการพัฒนาอย่างเต็มที่ของกระดูกและข้อต่อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งใน 4 เดือนแรก
o ดีเอชเอ : เพื่อเสริมสร้างพัฒนาการทางสมองและการมองเห็นของลูกแมว
- อาหารสำหรับแมวโตเต็มวัย : หลังจากหย่านมและน้องแมวเริ่มกินอาหารเม็ดแล้ว น้องแมวมักจะติดใจรสอาหารสุดเข้มข้นเพราะอาหารลูกแมวมีปริมาณโปรตีนที่สูงกันจนชิน แต่เมื่อถึงช่วงวัยที่เปลี่ยนแปลงแล้วอาหารก็ต้องเปลี่ยนตามเช่นกัน ยิ่งดึงดันให้อาหารเด็กกับน้องแมวที่โตเต็มวัย ก็เหมือนเป็นการทำร้ายน้องแมวกันแบบตรงๆ เพราะสารอาหารต่างๆ ที่มีไม่ตรงกับความต้องการของร่างกาย อาหารแมวโตเต็มวัยยังต้องการสารอาหารในกลุ่มโปรตีนเป็นหลัก นอกนั้นจะมีไขมัน คาร์โบไฮเดรต และกลุ่มวิตามิน แร่ธาตุ กรดไขมัน และกรดอะมิโนจำเป็นต่างๆ ซึ่งต่างจากอาหารลูกแมวตรงที่จะมีปริมาณโปรตีนที่ลดลง ย่อยง่าย เช่น โปรตีนที่ทำจากเนื้อปลาแซลมอนและทูน่า หรือโปรตีนจากเนื้อไก่งวง ที่ช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อ รวมทั้งควรเสริมปริมาณสารอาหารอื่นๆ ได้แก่
o ใยอาหารสูง แคลอรี่ต่ำ ลดการเกิดก้อนขน ช่วยเรื่องระบบการขับถ่าย ทำให้อุจจาระเป็นก้อน ช่วยให้แมวที่มีกิจกรรมน้อยอย่างแมวที่เลี้ยงในบ้านไม่อ้วน
o แคลเซียมและฟอสฟอรัส เสริมสร้างกระดูกและข้อต่อให้แข็งแรง และควรมีแร่ธาตุจำเป็น ช่วยให้ร่างกายเคลื่อนไหวได้อย่างคล่องแคล่ว
o โอเมก้า 3 และ 6 ช่วยบำรุงผิวหนังและขน ให้สุขภาพดีเงางาม
o สารต้านอนุมูลอิสระจากวิตามิน A, E และซิลีเนียม ช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทาน
นอกจากเรื่องสารอาหารที่เหมาะกับแมวแต่ละวัยที่เจ้าของน้องแมวทุกคนต้องรู้แล้ว ยังมีอีกเรื่องที่เป็นคำถามยอดฮิตที่เจ้าของน้องแมวต่างก็สงสัยนั่นก็คือเรื่องอาหารแมวแบบเม็ด อาหารแมวแบบเปียก และอาหารแมวแบบทำเอง ว่ามีความแตกต่างกันอย่างไร และควรเลือกอาหารชนิดใดถึงจะตรงกับความต้องการของร่างกายของน้องแมวมากที่สุด
ประเภทของอาหารแมว
อาหารแมวแบบเม็ด
อาหารเม็ดสำหรับแมวนั้นมีข้อดีมากๆ หลายประการ ข้อแรกที่เห็นได้ชัดคือมีคุณค่าสารอาหารครบถ้วน เพราะทำมาจากโปรตีนคุณภาพสูง และมีการเสริมสารอาหารต่างๆ มาให้อย่างครบถ้วนตรงกับความต้องการของร่างกาย อย่างเช่น เพียวริน่า วัน อาหารแมวชนิดเม็ด เกรดซุปเปอร์พรีเมี่ยม ที่ทำมาจากโปรตีนคุณภาพสูงย่อยง่าย ช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อ
o ใยอาหารสูง ช่วยลดการเกิดก้อนขน ช่วยเรื่องระบบการขับถ่าย ทำให้อุจจาระเป็นก้อน
o แคลเซียมและฟอสฟอรัส เสริมสร้างกระดูกและข้อต่อให้แข็งแรง
o โอเมก้า 3 และ 6 ช่วยบำรุงผิวหนังและขน ให้สุขภาพดีเงางาม
หากน้องแมวกินอาหารเปียกไม่หมดและตั้งทิ้งไว้ โอกาสที่อาหารจะเสียได้สูง น้องแมวอาจท้องเสียจากการกินอาหารที่เหลือได้
คุณสมบัติอื่นๆ ของอาหารแมวแบบเปียก
o เนื้อสัมผัสนิ่ม ช่วยเพิ่มการกินน้ำ ลดความเสี่ยงโรคนิ่ว
o เน้นความสดใหม่
o ราคาสูง และเก็บรักษายาก
อาหารแมวแบบทำเอง
อาหารแมวทำเอง หรือที่รู้จักกันทั่วไปว่าอาหารโฮมเมด ซึ่งการประกอบอาหารแมวเองนั้น นอกจากจะเป็นเรื่องที่ยุ่งยาก และเสียเวลาแล้ว สูตรอาหารที่เจ้าของปรุงเองนั้นยังมีส่วนประกอบของสารอาหารที่ไม่สมดุล เช่น มีปริมาณโปรตีนที่สูงเกินไป คารโบไฮเดรตสูง ไขมันสูง แต่กลับขาดแร่ธาตุ วิตามิน รวมทั้งกรดอะมิโนจำเป็นต่าง ๆ ที่จำเป็นต่อร่างกาย เช่น ทอรีน และน้องแมวอาจได้กินอาหารที่เป็นอันตรายต่อร่างกายโดยที่เจ้าของเองก็ไม่รู้ตัวอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น ก้างปลา เศษกระดูก เป็นต้น การได้รับสารอาหารที่ไม่สมดุลเช่นนี้ ก่อให้เกิดปัญหาด้านสุขภาพมากมายต่อน้องแมว ตัวอย่างเช่น
- โรคอ้วน ซึ่งเป็นปัญหาที่พบได้บ่อย ในเจ้าของที่ปรุงอาหารแมวด้วยตัวเอง เนื่องจากได้สารอาหารในปริมาณที่สมดุล
- โรคกระดูกและข้อ จากการขาดสารอาหารในกลุ่มแคลเซียมและฟอสฟอรัส
- โรคเบาหวาน เนื่องจากการได้รับอาหารที่มีโภชนาการไม่สมดุล
คุณสมบัติอื่นๆ ของอาหารแมวแบบทำเอง
o ราคาถูก เพราะส่วนมากเป็นอาหารที่เหลือจากการบริโภคในครอบครัว
ขนมแมวและอาหารดิบ
นอกจากอาหารแมวแล้ว ยังมีขนมแมวที่เจ้าของมักให้แมวกิน ซึ่งขนมแมวนั้นแนะนำให้กินเป็นครั้งคราว เนื่องจากมีปริมาณของสารอาหารที่ไม่สมดุล การให้ควรให้ปริมาณน้อย (ไม่เกินร้อยละ 10-15 ของปริมาณแคลอรี่ที่แมวควรได้รับต่อวัน) นอกจากนี้ในปัจจุบันยังมีความนิยมในการให้แมวกินอาหารดิบ (ไม่ผ่านการปรุงสุก) กันมากขึ้น แม้ว่าอาหารดิบจะเป็นอาหารที่คงคุณค่าทางสารอาหารไว้ได้ใกล้เคียงธรรมชาติมากที่สุด แต่ก็มีความเสี่ยงที่น้องแมวจะได้รับอันตรายจากการติดเชื้อ toxoplasma และโรคติดเชื้ออื่นๆ ได้ ซึ่งเป็นอันตรายต่อน้องแมวอย่างมาก
ข้อสรุปและข้อแนะนำเกี่ยวกับการให้อาหารแมว
ดังนั้นการเลือกอาหารแมวจึงควรเลือกอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการที่สมดุล ตรงตามความต้องการของร่างกายในแต่ละช่วงวัย โดยวัยเด็กควรเลือกอาหารที่มีส่วนประกอบของโปรตีนในปริมาณที่สูง มีดีเอชเอ และส่วนประกอบอื่นๆ ที่ช่วยเรื่องการเจริญเติบโตของร่างกาย ในแมวที่โตเต็มวัยแล้วควรเลือกอาหารที่มีโปรตีนต่ำลง และเน้นในเรื่องไฟเบอร์ และส่วนประกอบอื่น ที่จะช่วยให้การทำงานของร่างกายเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยให้อาหารเม็ดแมว เกรดซุปเปอร์พรีเมี่ยม ที่คัดสรรวัตถุดิบ และปริมาณโภชนาการครบถ้วน โดยอาจให้อาหารแมวแบบเปียกได้บ้างในกรณีที่จำเป็น เช่น แมวเบื่ออาหาร เสริมเมื่อขาดน้ำ โดยไม่ให้ในปริมาณที่มากและยาวนานเกินไป ส่วนอาหารแมวที่เจ้าของปรุงเอง แม้ว่าจะมีราคาที่ถูก แต่ก็อาจนำมาซึ่งโรคภัยต่างๆ ที่นอกจากจะทำลายสุขภาพของน้องแมวแล้ว ยังทำให้น้องแมวของคุณมีอายุขัยที่สั้นกว่าอายุแมวโดยเฉลี่ยด้วย การเลือกอาหารแมวที่ดีและมีโภชนาการที่สมดุลนี่แหละจึงเป็นหัวใจหลักที่จะทำให้น้องแมวของคุณมีครบทุกสัญญาณสุขภาพดี